payup.video

Surfe.be - Banner advertising service

MyBanner

วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

เครื่องปั่นไฟกับการแก้ปัญหาไม่มีไฟฟ้าใช้ในเบื้องต้น




จะเลือกเครื่องปั่นไฟหรือเครื่องสูบน้ำที่ใช้น้ำมันดี

  ในช่วง 10 วันแรกที่เพื่อนบ้านสั่งให้ปลดสายไฟออกนั้น ผู้เขียนและครอบครัวได้ตัดสินใจร่วมกันว่า จะต้องซื้อเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า (Electric Genertor) เพื่อมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับการสูบน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำการเกษตร ซึ่งแต่เดิมที่บ้านผู้เขียนยังใช้ไฟฟ้าจากระบบสายส่งอยู่นั้น การสูบน้ำใช้และน้ำเพื่อการเกษตรของครอบครัวผู้เขียน จะใช้ปั้มหอยโข่งขนาดท่อ 1 นิ้ว ใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ ขนาดกำลัง 750 วัตต์ หรือประมาณ 1 แรงม้า สามารถสูบน้ำได้ประมาณ 1,300 ลิตรต่อชั่วโมง ความแรงของน้ำทีได้สามารถรดน้ำด้วยหัวสปริงเกอร์เบอร์ 444 ได้พร้อมกัน 4 – 5 หัว เมื่อไม่มีไฟฟ้าใช้เครื่องสูบน้ำไฟฟ้าดังกล่าวก็จะไม่ได้ถูกใช้งาน
แต่อย่างไรก็ดี ครอบครัวของผู้เขียนมีความจำเป็นต้องใช้น้ำทั้งเพื่อการเกษตรและใช้ในครัวเรือน จึงต้องหาทางเลือกสำหรับการแก้ปัญหานี้ และทางเลือกหนึ่งก็คือ ซื้อเครื่องสูบน้ำที่ใช้น้ำมันมาใช้แทน ซึ่งหากตัดสินใจเลือกหนทางนี้ เครื่องสูบน้ำไฟฟ้าที่ใช้อยู่เดิมก็จะต้องถูกวางทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ใช้งานอีก แต่ถ้าตัดสินใจเลือกซื้อเป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าที่ใช้น้ำมัน ก็จะสามารถผลิตไฟฟ้าที่ใช้กับเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมได้ และยังมีไฟฟ้าเหลือไปใช้ในกิจกรรมอื่นๆ ได้อีก หากต้องการใช้ไฟฟ้าเพื่องานอื่นๆ เช่นใช้กับสว่านไฟฟ้า, เลื่อยไฟฟ้า หรือยกไปปั่นไฟใช้ในพื้นที่ที่ไฟฟ้าไปไม่ถึง ซึ่งจะได้ประโยชน์ที่หลากหลายกว่า
 
หน้าตาเครื่องปั่นไฟ BERALA ที่ซื้อมา

ด้วยเหตุนี้จึงได้ข้อสรุปว่า ซื้อเป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ จึงตัดสินใจซื้อเครื่องปันไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันเบนซิน ยี่ห้อ BERALA รุ่น TB3600A ราคาที่ซื้อในตลาดท้องถิ่นในขณะนั้น (ธันวาคม 2012) ประมาณ 12,000 บาท (ขณะที่ทำบทความชุดนี้เหลือไม่ถึง 7,000 บาท) เครื่องปั่นไฟดังกล่าวตามสเปกสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 3600 วัตต์ แต่ในการใช้งานจริงไม่ควรจะให้เกิน 2,800 วัตต์
 
จากประสพการณ์การใช้เครื่องปั่นไฟดังกล่าว พบว่าการเดินเครื่องเพื่อผลิตไฟฟ้า ตัวเครื่องจะกินน้ำมันประมาณ 1 ลิตรต่อ 1 ชั่วโมง ที่ขนาดกำลังไฟไม่เกิน 1,500 วัตต์ ถ้าใช้กำลังไฟมากกว่านี้เครื่องปั่นไฟดังกล่าวจะกินน้ำมันมากขึ้น เครื่องจะเร่งและผ่อนความเร็วเครื่องอัตโนมัติตามกำลังไฟฟ้าที่ใช้
 
การต่อสายไฟจากเครื่องปั่นไฟ เข้ากับระบบไฟฟ้าภายในบ้าน
 
เนื่องจากระบบสายไฟภายในบ้านของผู้เขียนเดิมเป็นระบบไฟฟ้า 220 โวลต์ ดังนั้นเมื่อซื้อเครื่องปั่นไฟเครื่องนี้มา ก็สามารถต่อสายไฟจากเครื่องเข้ากับสายไฟที่ต่อจากสายไฟของระบบสายส่งได้ทันที และเนื่องจากหลังจากเพื่อนบ้านขอให้ปลดสายไฟ สายของที่บ้านผู้เขียนก็ไม่ได้ต่อกับสายไฟของระบบสายส่งของการไฟฟ้าฯ ทำให้สามารถต่อสายไฟจากเครื่องปั่นเข้าระบบไฟฟ้าภายในบ้านได้โดยตรง
 
สำหรับบ้านทั่วไปควรต่อผ่านคัตเอาท์แบบ 2 ทางแทนการต่อตรง
 
แต่อย่างไรก็ดี หากระบบไฟฟ้าภายในบ้านของเรายังต่ออยู่กับระบบสายส่งของการไฟฟ้าฯ อยู่ ก็ไม่ควรต่อสายไฟจาเครื่องปั่นไฟเข้ากับระบบไฟฟ้าภายในบ้านโดยตรง แต่ควรจะต้องติดคัดเอาท์แบบ 2 ทางแล้วต่อผ่านคัทเอาท์ดังกล่าวแทน คือเมื่อไฟฟ้าของการไฟฟ้าดับก็ให้สับคัทเอาท์มาที่เครื่องปั่นไฟ แล้วใช้ไฟฟ้าจากการผลิตของเครื่องปั่นไฟแทน แต่เมื่อไฟฟ้าของการไฟฟ้าใช้ได้ตามเดิมให้สับสวิชกลับมาที่สายส่งของการไฟฟ้า ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟฟ้าของเราไหลเข้าสู่ระบบสายส่งของการไฟฟ้าฯ ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าที่กำลังปฏิบัติงานซ่อมสายไฟอยู่ในขณะนั้นได้

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

ปฐมบทของการแก้ปัญหาเรื่องไฟฟ้า




หลังจากที่ปลดสายไฟฟ้าแล้ว ผู้เขียนและครอบครัวก็เริ่มดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องไฟฟ้าที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และในการประกอบอาชีพ โดยสิ่งแรกที่ทำคือ ทำเรื่องขอไฟฟ้าขยายเขตโดยเดินสายส่งมาตามทางจากตัวหมู่บ้าน ซึ่งทำให้พวกเราทราบว่า การขอไฟฟ้าขยายเขต จะต้องทำเรื่องที่ อ... และจะต้องมีครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์อย่างน้อย 5 หลังคาเรือนขึ้นไป ที่สำคัญต้องดำเนินการผ่านผู้ใหญ่บ้าน
ในกรณีของผู้เขียนและครอบครัวปรากฏว่า ผู้ใหญ่บ้านไม่เดินเรื่องให้ จะด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ ทำให้พวกเราต้องติดต่อตรงกับทาง อ... ทาง อ... รับเรื่องไว้และดำเนินการขอไฟฟ้าขยายเขตให้ ซึ่งทำให้พวกเราทราบอีกว่า การขอไฟฟ้าขยายเขตจะต้องใช้เวลารองบประมาณอย่างน้อย 2 ปี หรืออาจจะยาวนานกว่า 10 ปี อย่าลืมว่าหมู่บ้านที่ผู้เขียนอยู่ อยู่ช่วงปลายของระบบสายส่งไฟฟ้าพอดี
สรุป แม้จะสามารถทำเรื่องขอไฟฟ้าขยายเขตได้ ผู้เขียนและครอบครัวก็ไม่มีทางได้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาใช้ใช้วันนี้ พรุ่งนี้ หรือใช้ในชีวิตประจำวัน และยังไม่ทราบว่าอีกนานแค่ไหน สายส่งของการไฟฟ้าจะมาถึงบ้านที่ผู้เขียนอาศัยอยู่
 
เรื่องราวที่จะนำเสนอในบทถัดไป จะเป็นเรื่องราวของการแก้ปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้า คือทำอย่างไรให้มีไฟฟ้าใช้ อย่างน้อยก็ใช้ให้แสงสว่างยามค่ำคืน นับตั้งแต่วันที่ปลดสายไฟ ซึ่งจะสามารถใช้เป็นแนวทางสำหรับในการแก้ปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้า เนื่องจากสาเหตุต่างๆ เช่นน้ำท่วม, แผ่นดินไหว, ฯลฯ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของท่านที่แวะเวียนมาที่เว็บบล็อกแห่งนี้ได้

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

ปัญหาของการที่เคยมีไฟฟ้าใช้ แล้วไม่มีไฟฟ้าใช้



ผู้เขียนมีอาชีพเป็นเกษตรกร มีถิ่นฐานอยู่ทางจังหวัดทางภาคตะวันตกของประเทศ ห่างไกลความเจริญ หรือห่างไกลตัวอำเภอและตัวตำบลพอสมควร ทางเข้าหมู่บ้านยังเป็นถนนลูกรังอยู่ (.. 2555) และหมู่บ้านที่ผู้เขียนอาศัยอยู่ถือเป็นหมู่บ้านปลายสายของระบบสายส่งไฟฟ้ากำลังพอดี ไฟฟ้าที่เข้ามาในหมู่บ้านจึงเป็นระบบไฟ 1 เฟส หรือไฟ 2 สาย
 
บ้านของผู้เขียนไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่สายส่งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การต่อสายไฟฟ้าจากสายส่งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาที่บ้านต้องเดินสายไกล ระยะทางที่สั้นที่สุดเกือบ 1 กิโลเมตร แต่ต้องผ่านที่ดินของคนอื่น แต่ถ้าจะเดินตามเส้นถนนจากหมู่บ้านเข้ามาที่บ้านระยะทางไกลกว่านั้นมาก ย้อนหลังไปเมื่อประมาณ 17 ปีที่ผ่านมา การเดินสายไฟฟ้าผ่านที่ดินคนอื่นๆ มาที่บ้านไม่เป็นปัญหา เพราะเจ้าของที่ดินคุ้นเคยกันดีเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านตั้งแต่ยุคแรกๆ เหมือนกัน แต่ 3-4 ปีที่ผ่านมาสถานะการณ์เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีผู้คนจากกรุงเทพฯ เข้ามาซื้อที่ดิน ทำให้ที่ดินเปลี่ยนเจ้าของ เจ้าของที่ดินรายใหม่มองว่า สายไฟฟ้าที่ผ่านที่ดินของตนเป็นเรื่องเกะกะ ไร้สาระ และไม่ได้ประโยชน์ (ทั้งที่จุดที่สายไฟฟ้าผ่านเป็นแนวหินภูเขา จะใช้ปลูกต้นไม้หรือทำการเกษตรไม่ได้เลย) ขณะเดียวกันก็มองเห็นที่ดินของครอบครัวผู้เขียนสามารถใช้ประโยชน์ทางด้านเกษตรกรรมได้ เคยเข้ามาถามซื้อแล้วทางครอบครัวผู้เขียนไม่ขาย จึงใช้วิธีไม่ให้สายไฟฟ่าที่ครอบครัวผู้เขียนใช้อยู่ผ่านที่ดินของตน ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามครับ
 
หลังจากที่ผู้เขียนและครอบครัวตัดสายไฟทิ้งในวันที่ 8 ของการสั่งให้ปลดสายไฟฟ้าภายใน 10 วัน แน่นอนว่าครอบครัวของผู้เขียนต้องประสบกับปัญหาที่เกี่ยวเนื่องจากไฟฟ้าที่หนักหนาสาหัสพอสมควร (ชาวบ้านเรียกว่า “ตัดมือตัดตีน”) ปัญหาที่เกิดขึ้น พอสรุปได้ดังนี้
 
  1. ไม่มีแสงสว่างใช้ในยามค่ำคืน ซึ่งเป็นปัญหาแรกสุดที่ผู้เขียนและครอบครัวต้องเจอ
  2. บ้านของผู้เขียนมีอาชีพทำเกษตรกรรม มีทั้งส่วนที่เป็นพืชไร่ และพืชสวน และใช้ไฟฟ้าในการสูบน้ำสำหรับทำการเกษตรเป็นหลัก หลังจากที่ปลดสายไฟฟ้า ต้นพันธุ์ไม้ที่ผู้เขียนและครอบครัวซื้อไว้ต้นละ 150 ถึง 200 บาทกว่า 300 ต้นตายลงภายในระยะเวลาไม่กี่วัน เนื่องน้ำไม่พอรด และพืชส่วน พืชไร่กว่า 30 ไร่ ไม่สามารถเก็บผลผลิตได้เนื่องจากน้ำไม่พอรดเช่นเดียวกัน ซึ่งหมายถึง รายได้การงานเกษตรกรรมของผู้เขียนซึ่งเป็นรายได้หลักของครอบครัวสูญหายไปเกือบทั้งหมด
  3. ผู้เขียนพอมีความรู้อยู่เล็กน้อย จึงรับงานจากบริษัทในกรุงเทพฯ มาทำที่บ้านเป็นรายได้เสริม เป็นงานที่ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นงานที่ต้องส่งตามกำหนดเวลา และแน่นอนว่าเป็นงานต้องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด การไม่มีไฟฟ้าใช้กระทันหัน ทำให้งานส่วนนี้เสียหายไฟด้วย

สรุปก็คือหลังจากที่ไม่มีไฟฟ้า นับตั้งแต่หลังจากปลดสายไฟฟ้า ผู้เขียนและครอบครัวแทบจะไม่มีรายได้จากอาชีพหลักที่ผูกติดกับระบบไฟฟ้าหลักเลย โชคดีอยู่บ้างที่ครอบครัวผู้เขียนปลูกข้าวไว้กินเองอาศัยน้ำฝน จึงไม่เดือดร้อนเรื่องความเป็นอยู่มากนัก และทุกคนครอบครัวนึกถืงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ในตอนที่ว่า “ความขาดแคลนไม่ใช่ปัญหา หากมีปัญญาก็สามารถแก้ไขได้” ตลอดเวลา

 
และตลอดเวลานับตั้งแต่มีการมาแจ้งให้ปลดสายไฟฟ้า ผู้เขียนและครอบครัวไม่ได้นิ่งดูดาย ได้ดำเนินการแก้ปัญหาต่างๆ จนรอดพ้นวิกฤตมาได้ เรื่องที่ผู้เขียนจะนำเสนอในลำดับถัดๆ ไป

ดังนั้น เรื่องราวการแก้ปัญหาที่ชีวิตต้องผูกติดกับไฟฟ้าของผู้เขียนและครอบครัว ซึ่งสามารถนำไปเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าสำหรับท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านในเว็บบล็อกแห่งนี้

นำเรื่อง : ชีวิตที่ต้องพึ่งไฟฟ้า





ใครจะไปคาดคิดว่าไฟฟ้าที่ใช้มากกว่า 20 ปี วันดีคืนดีไม่มีไฟฟ้าใช้เพราะสายไฟฟ้าเดิมพาดผ่านที่ดินของคนอื่น การใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และใช้ในกิจการต่างๆ ต้องยุติ เมื่อเจ้าของที่ดินที่สายไฟพาดผ่านมาแจ้งให้ปลดสายไฟฟ้าภายใน 10 วัน พอถึงวันที่ 6 นับจากวันที่มีการแจ้งให้ปลดสายไฟ เจ้าของที่ดินดังกล่าวเที่ยวไปสอบถามชื่อจริง นามสกุลจริงของเจ้าของบ้าน เพื่อไปแจ้งความกับตำรวจ ทำนองว่า เจ้าของบ้านที่ถูกแจ้งปลดสายไฟ ไม่ยอมปลดสายไฟ (ทั้งที่ผ่านไปแค่วันที่ 6 หลังมาแจ้งปลดสายไฟ ไม่ทราบเขานับวันเวลากันอย่างไร)

ในวันที่ 8 หลังจากมีการแจ้งให้ปลดสายไฟ เจ้าของบ้านไปแจ้งกับการไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ที่อำเภอว่าเลิกใช้ไฟฟ้า โดยให้เหตุผลว่า เจ้าของที่ดินที่สายไฟฟ้าพาดผ่าน ไม่ให้ผ่านที่ดินของตน ซึ่งตรงกับวันที่ 26 ธันวาคม พ.. 2554 (.. 2011) หลังจากที่แจ้งเลิกใช้ไฟฟ้าที่การไฟฟ้าแล้วเรามาตัดสายส่งทิ้ง ทำให้ที่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
 
 
แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา ตัวปัญหาก็ตือจะทำอย่างไรให้ที่บ้านมีไฟฟ้าใช้ทั้งการให้แสงสว่างภายในบ้าน และใช้ในกิจการงานต่างๆ 
 

10 พฤศจิกายน พ.. 2555

TrafficG Banner Exchange.

payup.video 468x60

Surfe.be - Banner advertising service

Sufe.be

Surfe.be - Banner advertising service

faucetpay.io

Surfe.be - Banner advertising service